สาระน่ารู้: วิธีอ่านรหัสแบตเตอรี่และเลือกให้ตรงรุ่นรถของคุณ

วิธีอ่านรหัสแบตเตอรี่และเลือกให้ตรงรุ่นรถของคุณ

ก่อนซื้อแบตเตอรี่ใหม่ ควรถ่ายภาพรหัสแบตเดิม หรือจดบันทึกไว้ แล้วปรึกษาช่างหรือร้านค้าที่เชี่ยวชาญเพื่อแนะนำแบตเตอรี่ที่ตรงกับรถคุณจริงๆ

วิธีอ่านรหัสแบตเตอรี่และเลือกให้ตรงรุ่นรถของคุณ

การเลือกแบตเตอรี่ให้ตรงรุ่น ไม่ใช่แค่ดูจากขนาดหรือยี่ห้อเท่านั้น แต่ "รหัสแบตเตอรี่" บนตัวแบตฯ เองก็มีความสำคัญไม่น้อย เพราะมันบ่งบอกถึง ขนาด, ความจุ, กระแสไฟ, และตำแหน่งขั้ว ซึ่งหากเลือกผิด อาจทำให้แบตฯ ไม่พอดีกับช่องใส่ หรือระบบไฟในรถทำงานผิดพลาดได้

 ทำความเข้าใจกับ "รหัสแบตเตอรี่"

รหัสแบตเตอรี่เช่น “55D23L”, “80D26R”, “46B24L” จะประกอบไปด้วยความหมายดังนี้:

• ตัวเลขตัวแรก = กำลังการสตาร์ทรถ (CCA) และความจุแบตฯ ยิ่งตัวเลขมาก แบตฯ ยิ่งจ่ายไฟได้แรง
  
  

• ตัวอักษรกลาง (B, D, etc.) = ขนาดตัวแบตเตอรี่ (กว้าง × ยาว × สูง)
  
  

• ตัวเลขถัดมา (23, 26) = ความยาวของตัวแบตฯ (เซนติเมตร)
  
  

• ตัวสุดท้าย (L หรือ R) = ขั้วแบตเตอรี่อยู่ด้านซ้าย (L) หรือขวา (R) เมื่อหันหน้ามองจากด้านหน้ารถ
  
  

 ตัวอย่าง:
55D23L = ความจุขนาดกลาง, ขนาดตัวแบตฯ 23 ซม., ขั้วอยู่ทางซ้าย

 วิธีเลือกแบตเตอรี่ให้ตรงรุ่น

1. ดูจากแบตฯ เดิมที่ใช้ – ตรวจรหัสบนแบตฯ ลูกเก่า และเลือกแบบเดียวกัน
   
   

2. ดูจากคู่มือรถยนต์ – จะมีระบุรหัสแบตเตอรี่ที่รองรับ
   
   

3. เลือกแบตฯ ที่จ่ายไฟเพียงพอ – ถ้ามีเครื่องเสียง, กล้องติดรถยนต์ หรืออุปกรณ์เสริมเยอะ อาจต้องใช้รุ่นที่แรงขึ้น
   
   

4. เลือกขั้วแบตให้ตรง – รถญี่ปุ่นนิยมขั้ว L ส่วนรถยุโรปบางรุ่นเป็น R
   
   

 สิ่งที่ควรระวัง

• เลือก รหัสแบตผิด อาจทำให้ขั้วไม่ตรง, สายไฟไม่ถึง หรือไม่สามารถยึดแบตเตอรี่ให้แน่นได้
  
  

• แบตฯ ที่ใหญ่เกินไปอาจ ติดขอบฝากระโปรง หรือ กินพื้นที่เครื่องยนต์
  
  

 ทางลัด: ใช้บริการตรวจสอบรหัสแบตอัตโนมัติ

หลายเว็บไซต์มีระบบค้นหาแบตเตอรี่โดยใส่ รุ่นรถ / ปีรถ เพื่อแนะนำแบตเตอรี่ที่ตรงรุ่นโดยอัตโนมัติ เช่น:

• BangkokBattery.com
  
  

• FirenzaBattery.com
  
  

• BatteryCheckTool.com
  
  

 คำแนะนำสุดท้าย

ก่อนซื้อแบตเตอรี่ใหม่ ควรถ่ายภาพรหัสแบตเดิม หรือจดบันทึกไว้ แล้วปรึกษาช่างหรือร้านค้าที่เชี่ยวชาญเพื่อแนะนำแบตเตอรี่ที่ตรงกับรถคุณจริงๆ